วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ที่บริเวณหอประชุมจังหวัดยโสธร ศาลากลางจังหวัดยโสธร นายชาญชัย ศรศรีวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ได้เป็นประธานนำนายขรรค์ไชย ทันธิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร นายสันชัย พัฒนะวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ตลอดจน คณะหัวหน้าส่วนราชการ ศาล อัยการ ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เหล่ากาชาดจังหวัดยโสธรและแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดยโสธร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชนในจังหวัดยโสธร ประกอบพิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะและกล่าวถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในงานรัฐพิธีวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ที่ทรงมีต่อประเทศชาติและปวงชนชาวไทย

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือที่รู้จักกันในพระนาม “เจ้าฟ้ามงกุฎ” ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2347 ณ พระราชวังเดิม กรุงธนบุรี เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และสมเด็จพระศรีสุริเยนทรา บรมราชินี พระองค์ทรงเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 4 แห่งมหาจักรีวงศ์ เมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2394 ขณะพระชนมายุ 47 พรรษา และเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 หลังจากทรงครองสิริราชสมบัติเป็นเวลา 17 ปี 6 เดือน โดยในรัชสมัยของพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระปรีชาสามารถอย่างยิ่ง ทรงนำพาประเทศไทยก้าวสู่ความทันสมัยในหลายด้าน ทรงเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองและประเพณีอันล้าสมัยเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมครั้งแรกของประเทศ ทรงใช้พระบรมราโชบายอันชาญฉลาด ผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน ดังที่ทรงมีพระราชดำรัสอันทรงคุณค่าว่า “อย่าติดของเก่า อย่าตื่นของใหม่ จงคิดหาดีในของเก่าและของใหม่” ทั้งนี้พระราชกรณียกิจที่สำคัญยิ่งของพระองค์นั้นมีมากมาย อาทิ ทรงแก้ไขธรรมเนียมข้าราชการเข้าเฝ้าให้สวมเสื้อเช่นประเทศตะวันตก ทรงทำสัญญาทางพระราชไมตรีและการต่างประเทศกับชาติตะวันตกที่สำคัญ เช่น สนธิสัญญาเบาว์ริง ซึ่งเป็นกุศโลบายสำคัญที่ทำให้สยามรอดพ้นจากการตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตกในยุคล่าอาณานิคม นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงสนพระทัยเรียนรู้ภาษาตะวันตกและวิชาการของตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ จนทรงสามารถทำนายการเกิดสุริยุปราคาที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นเหตุให้พระองค์ได้รับการขนานพระนามว่า “พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” และตลอดรัชสมัยพระองค์ทรงครองราชย์ด้วยทศพิธราชธรรมและพระปรีชาสามารถอันล้ำเลิศ ทรงเป็นทั้งพระเจ้าแผ่นดินและพระบิดาของปวงชนชาวไทย ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่หลายประการ โดยพระราชดำริริเริ่มหลายประการที่บังเกิดขึ้นในรัชสมัยของพระองค์ ได้เป็นรากฐานสำคัญและประโยชน์สุขต่อประชาชนและประเทศชาติอย่างยิ่ง สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธร

ทินกร ข่าว / เอกรินทร์ ภาพ