วันที่ 18 ธันวาคม 2568 บรรยากาศบริเวณโดมข้างหอประชุมจังหวัดยโสธร เต็มไปด้วยความคึกคักและเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความรักความห่วงใย และกำลังใจที่พร้อมส่งต่อไปยังผู้ประสบภัยชายแดนอีสานใต้ โดยนายชาญชัย ศรศรีวิชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ได้มอบหมายภารกิจสำคัญให้ นายขรรค์ไชย ทันธิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เป็นหัวหน้าขบวนนำทัพคาราวานรถบรรทุกขนาดใหญ่ของที่ทำการปกครองจังหวัดยโสธร, สำนักงาน ปภ. จังหวัดยโสธร และ อบจ.ยโสธร เคลื่อนขบวนออกจากศาลากลางจังหวัดไปส่งมอบน้ำใจล็อตสุดท้ายยังพื้นที่เป้าหมาย คือ จังหวัดศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยังคงต้องการความช่วยเหลือ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ชาวยโสธรได้ระดมสรรพกำลังส่งความช่วยเหลือล็อตใหญ่ไปแล้วถึง 2 ครั้ง ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง อุบลราชธานี บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ
โดยสถิติแห่งความเอื้ออาทรในครั้งนี้หลังมีการเปิดรับบริจาคเพียงสั้นๆ ระหว่างวันที่ 12-16 ธันวาคมที่ผ่านมา ตัวเลขที่ปรากฏสะท้อนให้เห็นถึงพลังแห่งความรัก ความห่วงใย ของชาวยโสธรได้อย่างน่าทึ่ง เพราะมียอดบริจาคสิ่งของรวมมากกว่า 40 รายการ คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 1,463,530 บาท โดยเฉพาะการบริจาคข้าวสารขึ้นชื่อของจังหวัดยโสธร เมืองแห่งเกษตรอินทรีย์ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการดำรงชีวิตของทุกคน เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้นำไปหุงรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย มียอดบริจาคมากถึง 27.678 ตัน แบ่งเป็นข้าวสารเจ้า 12.466 ตัน และข้าวสารเหนียว 15.212 ตัน ตามมาด้วยน้ำดื่มกว่า 4,066 แพ็ค โดยสิ่งที่น่าประทับใจที่สุดในรายการสิ่งของบริจาคไม่ใช่เพียงแค่มูลค่าแต่คือความใส่ใจ เพราะรายการสิ่งของที่บริจาคสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริจาคทุกคนคิดแทนผู้รับอย่างละเอียดละออ นอกจากปัจจัยพื้นฐานอย่าง ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม และของใช้ส่วนตัวแล้ว ยังมีเครื่องปรุงรสสำหรับครัวเรือนอีสานครบครัน ไม่ว่าจะเป็น น้ำพริก ใบมะกรูด ข่า ตะไคร้ หอมแดง หรือแม้กระทั้งของหวานหลังรับประทานอาหารอย่างกล้วย ไปจนถึงหมากพลูสำหรับผู้เฒ่าผู้แก่ ขนม นมและน้ำหวาน สำหรับเด็ก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการบริจาคครั้งนี้ คือการส่งมอบความรักจากครอบครัวหนึ่งสู่อีกครอบครัวหนึ่งอย่างแท้จริง เพื่อบอกว่า เราไม่เคยทิ้งกัน
#สำนักประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธร#ยโสธร
ทินกร ข่าว /ภาพ, เอกรินทร์ ภาพ






